“ฟาร์มสุกรพันธุ์เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด” กับก้าวกระโดดของ “เบทาโกร สมาร์ทฟาร์ม” ยกระดับเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสุกรพันธุ์

“บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)” บริษัทอาหารชั้นนำระดับสากล (World-class Branded Food Company) นำโดย “คุณไตรรัตน์ ทองปลอด” ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจโปรตีน และ “คุณสุเทพ ตีระพิพัฒนกุล” ที่ปรึกษากลุ่มผลิตปศุสัตว์ พร้อมด้วย “คุณสุรพล ธัญญเจริญ” ปศุสัตว์เขต 4 “คุณปัญญา มูลคำกาเจริญ” ปศุสัตว์จังหวัดร้อยเอ็ด และ “คุณวีระพงษ์ โครตพงษ์” นายอำเภอเสลภูมิ ตลอดจนคณะผู้บริหาร พนักงานเบทาโกร ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต.ภูเงิน อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ร่วมพิธีเปิด “ฟาร์มสุกรพันธุ์เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด” ฟาร์มสุกรพันธุ์แห่งแรกในภูมิภาคและนับเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เบทาโกร ได้ดำเนินการก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย บนพื้นที่กว่า 185 ไร่ ประกอบด้วยโรงเรือนสุกร กว่า 20 หลัง ซึ่งมีกำลังการผลิตระดับ 5,000 แม่ โดยสามารถผลิตสุกรเพื่อส่งให้กับเกษตรกรในเครือข่ายของเบทาโกรได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000 ตัว

ฟาร์มสุกรพันธุ์เสลภูมิแห่งนี้ ได้นำ “เทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะ (Smart Farm)” เข้ามาช่วยในการผลิตสุกรที่มีคุณภาพ ความปลอดภัยขั้นสูง และคำนึง “ถึงหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare)” ผ่าน “ระบบการเลี้ยงแบบรวมกลุ่ม (Group Sow Housing)” ทำให้แม่สุกรมีอิสระในการเคลื่อนไหว ลดความเครียด และช่วยส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่ที่ดีของแม่สุกร เช่น โอกาสในการดูแลลูกสุกร และปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในโรงเลี้ยงที่เพิ่มมากขึ้น โดยมี “ระบบ  AI Center” ที่ตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำเชื้อด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ “ระบบ RFID (Radio Frequency Identification)” ในการเก็บข้อมูลสุกรรายตัว “ระบบการให้อาหารอัตโนมัติ (Automatic feeding system) ด้วยระบบ V-LOS” ซึ่งสามารถควบคุม และกําหนดปริมาณอาหารที่ให้สุกรกินเป็นรายตัวได้อย่างแม่นยำสูง ลดอัตราการสูญเสียของอาหาร ทำให้สุกรกินอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตลอดจนมี “ระบบควบคุมอัตโนมัติ SKOV” ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และอากาศภายในโรงเรือน ระบบควบคุมปริมาณน้ำที่ใช้ในการเลี้ยงสุกร และระบบควบคุมการคำนวณปริมาณอาหารสุกรในไซโล ซึ่งระบบเหล่านี้สามารถแจ้งเตือน และสามารถดูข้อมูลได้แบบ Real Time ทั้งยังได้มีติดตั้งระบบ CCTV สามารถตรวจสอบ และติดตามการเลี้ยงและการทำงานภายในฟาร์มได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตอีกด้วย

นอกจากนี้ ฟาร์มสุกรพันธุ์เสลภูมิยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ด้วยการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีระบบการบริหารจัดการน้ำและของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่าน “ระบบไบโอแก๊ส (Biogas)” จำนวน 3 ลูก ขนาด 10,000 คิว ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานทดแทนเพื่อใช้ในฟาร์ม “ระบบ B-Compose” เครื่องกําจัดซากที่มีประสิทธิภาพ สามารถเปลี่ยนซากอินทรีย์เป็นปุ๋ยเพื่อการเกษตรภายในฟาร์ม ตลอดจนการดูแลชุมชน และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่รอบฟาร์ม ผ่านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชน อีกทั้งยังมีโครงการสร้างงานสร้างโอกาสให้กับคนท้องถิ่น รวมถึงการดูแลเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ฟาร์ม

ที่สำคัญ ฟาร์มสุกรพันธุ์เสลภูมิแห่งนี้ยังดำเนินงานภายใต้ “ระบบการบริหารจัดการคุณภาพเบทาโกร (Betagro Quality Management)” ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Safety) คุณภาพอาหาร (Food Quality) หลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) การบริการที่เป็นเลิศ (Service Excellence) และความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) ตลอดจน “ระบบความปลอดภัยทางชีวภาพเบทาโกร (Betagro Biosecurity Management)” ในการดูแลความปลอดภัยทางชีวภาพและปศุสัตว์ “เพราะเบทาโกรเชื่อว่า สัตว์ที่มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี จะส่งผลให้มีสุขภาพใจและกายที่แข็งแรง อัตราการเจ็บป่วยต่ำ ส่งผลให้สามารถลดการใช้ยาปฏิชีวนะต่าง ๆ ลง และทำให้เบทาโกรสามารถส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพมากกว่า และปลอดภัยสูงกว่าสู่ผู้บริโภค ในราคาที่เป็นธรรม เพื่อชีวิตยั่งยืนของทุกคน”