5 ยุทธศาสตร์สำคัญด้านความยั่งยืน
เบทาโกรมุ่งมั่นในการผลิตอาหารด้วยมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุด เพื่อส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและความอร่อย ที่เหนือกว่า ในราคาที่เป็นธรรม ด้วยการผลิตที่ยั่งยืน เพื่อพัฒนายุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนที่สอดคล้องต่อจุดประสงค์ องค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ เบทาโกรได้ทำการประเมินประเด็นที่มีนัยสำคัญต่อ 1) การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนที่คำนึงถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจและบรรษัทภิบาล สังคม และสิ่งแวดล้อม 2) ประเด็นที่มีนัยสำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสีย และ 3) การประกอบธุรกิจของบริษัท มาวิเคราะห์เพื่อสรุปเป็นประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนที่สำคัญต่อธุรกิจและผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่อุปทานของเบทาโกร (BETAGRO Materiality Topics) โดยในปี 2023-2025 เบทาโกรมุ่งขับเคลื่อน 5 ยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนดังต่อไปนี้

1. ใส่ใจคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Quality and Safety)
เบทาโกรมุ่งมั่นในการศึกษา วิจัย และพัฒนาการเลี้ยงสัตว์ อาหารสัตว์ ตลอดจนการผลิตอาหารเพื่อส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพ และความปลอดภัยขั้นสูงสุดอย่างเป็นรูปธรรม โดยเบทาโกรมุ่งเน้นการศึกษาเรื่องสุขภาพสัตว์ตั้งแต่ต้นน้ำในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการใช้ยาปฏิชีวนะที่เบทาโกรให้ความสนใจ และศึกษามาอย่างยาวนาน จนเป็นผู้นำในตลาด โดยแบรนด์ “S-Pure” เป็นแบรนด์แรกและหนึ่งเดียวของไทยที่ได้ผ่านการรับรอง “การเลี้ยงที่ไม่มียาปฏิชีวนะ (Raised Without Antibiotics – RWA)” จาก “NSF สหรัฐอเมริกา” ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เนื้อไก่ เนื้อหมู และไข่ไก่
2. การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Management)
เบทาโกรมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อมลงมากกว่า 20% ในปี 2030 และมุ่งมั่นสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050 ด้วยการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยมีการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ ตลอดจนการศึกษาและนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ และติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด อาทิเช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ ในทุกพื้นที่ของธุรกิจที่สามารถติดตั้งได้ และการใช้เชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass) และ การก๊าชชีวภาพจากระบบบำบัดน้ำเสีย (Biogas) ทดแทนการใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน
3. การพัฒนาชุมชน (Community Development)
เบทาโกรมุ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาชุมชนและสังคมให้มีความเข้มแข็ง ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ด้วยแนวคิด “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ภายใต้กรอบ “การพัฒนาชุมชนเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-based Community Development)” และมุ่งทำงานร่วมกับหน่วยงานภายในและภายนอกองค์กร เพื่อสร้างชุมชนและสังคมที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน โดยตั้งเป้าหมายส่งเสริมความเป็นอยู่และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับชุมชนรอบสถานประกอบการ ด้วยโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวมให้ได้ 100% ในปี 2025 ประกอบไปด้วยความเข้มแข็งทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม สังคม และการศึกษา ให้กับชุมชนรอบโรงงานและฟาร์มในประเทศ และขยายไปยังสถานประกอบของคู่ค้า เพิ่มจำนวนครัวเรือนที่ได้รับการพัฒนา มีผลกระทบเชิงบวกจากโครงการและกิจกรรมพัฒนาชุมชน จำนวน 20,000 ครัวเรือนในปี 2025 และสร้างอาชีพให้กับกลุ่มคนพิการ จำนวน 50 โครงการในปี 2025 ผ่านโครงการต่างๆ มากมาย อาทิเช่น โครงการเบทาโกรรักษ์ป่าชุมชน เพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ป่าของชุมชนโครงการผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่ฟาร์มและโรงงาน โดยการมองหาโอกาสในการช่วยเหลือชุมชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โครง การพัฒนาทักษะคนพิการ ส่งเสริมและพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้พิการให้ดีขึ้นผ่านการมีอาชีพ และ โครงการชุมชนสัมพันธ์ที่ส่งเสริมให้พนักงานเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาชุมชนร่วมกัน
4. การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน (Sustainable Packaging)
เบทาโกรตระหนักและมุ่งมั่นสู่ 100% บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco – friendly packaging) ด้วยการออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (Re-design) เพื่อให้นำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable) หรือนำกลับมาใช้ใหม่ (Recyclable) หรือย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Compostable) รวมถึงลดการใช้ทรัพยากร (Reduce) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดภายในปี 2030 ซึ่งปัจจุบันกว่า 97% บรรจุภัณฑ์ของบริษัทฯ มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยผลงานบรรจุภัณฑ์ที่เบทาโกรภาคภูมิใจ ได้แก่ ถาดกระดาษ S-Pure ที่ช่วยลดการใช้พลาสติก 80% และถุง เบทาโกร ใส่ใจ ที่ช่วยลดขยะพลาสติกมากกว่า 1.28 ตัน/ปี
5. อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการปฏิบัติงานเพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี (Occupational Health and Safety)
เบทาโกรตระหนักเสมอว่า “พนักงานทุกคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า เราจึงมุ่งมั่นที่จะดูแลพนักงานให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้สถานที่ทำงานและกระบวนการทำงานที่ปลอดภัย” บริษัทฯ จึงมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้จำนวนอุบัติเหตุลดลงจนเป็นศูนย์ ด้วยการนำเอา “การจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Process Safety Management – PSM)” มาเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบการจัดการชีวอนามัยและความปลอดภัยของเบทาโกร (BETAGRO Safety Framework) ในปี 2024 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายอุบัติการณ์เป็นศูนย์ (Zero Incident) อีกด้วย