เบทาโกร ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2510 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ โดยมีโรงงานแห่งแรกที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จากนั้นธุรกิจของเบทาโกรเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขยายฐานการผลิตไปยัง จ.ลพบุรี เพื่อรองรับการขยายธุรกิจครบวงจร ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร เริ่มจากการผลิตอาหารสัตว์ การเลี้ยงและการพัฒนาสายพันธุ์สัตว์ ซึ่งครอบคลุมทั้งสุกร ไก่เนื้อ และไก่ไข่ การทำฟาร์มพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ การผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพ
วางรากฐาน : จุดเริ่มต้นของเบทาโกรเริ่มจากธุรกิจการค้าธัญพืชและวัตถุดิบอาหารสัตว์ ก่อนจะขยายเข้าสู่การผลิตแบบอุตสาหกรรม โดยเริ่มจากการผลิตอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ และพัฒนาสายพันธุ์สัตว์อย่างเป็นรูปธรรม โดยถือเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการนำเทคโนโลยีและระบบการจัดการที่ทันสมัยมาใช้ในอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย

ขยายครบวงจร : เบทาโกรเริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจการเกษตรเชิงอุตสาหกรรมแบบครบวงจร โดยเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม มีการเปิดโรงงานผลิตเวชภัณฑ์สัตว์และสารเสริมอาหารสัตว์แห่งแรก และเริ่มต้นความร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศ ผสานองค์ความรู้และประสบการณ์เพื่อยกระดับธุรกิจทั้งในด้านการผลิตและแปรรูป

เติบโตอย่างมีคุณภาพ : เบทาโกรมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพในทุกมิติ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ บุคลากร และระบบการผลิต มีการขยายฐานการผลิตทั่วประเทศ และก่อตั้งสวนอุตสาหกรรมอาหารเบทาโกร นับเป็นฐานการผลิตอาหารแห่งแรกของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าไก่สดและไก่ปรุงสุกเพื่อการส่งออก บริษัทในกลุ่มได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP: Good Manufacturing Practices และเริ่มต้นโครงการเพื่อสังคมในรูปแบบที่ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการร่วมทุนกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อก้าวสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพสูง

ยกระดับประสิทธิภาพ : แม้จะต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 เบทาโกรยังคงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ได้เปิดสวนอุตสาหกรรมอาหารแห่งที่ 2 เพื่อเป็นฐานการผลิต และเพิ่มกำลังการผลิตเนื้อหมู เนื้อสัตว์ปีก และไส้กรอก พร้อมเปิดร้านเบทาโกร ช็อป นอกจากนี้ยังได้ ร่วมทุนกับกลุ่มคู่ค้าต่างประเทศเพื่อผลิตอาหารแปรรูปจากเนื้อหมูที่เลี้ยงด้วยเทคนิค SPF (Specific pathogen free) และส่งออก จัดตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์เบทาโกร (Betagro Science Center) เพื่อให้บริการทดสอบทางห้องปฏิบัติการ ตลอดจนเปิดตัวผลิตภัณฑ์เนื้อหมูภายใต้แบรนด์ S-Pure สำหรับตลาดพรีเมียม และ เริ่มโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area Based Community Development (HAB) Model) ซึ่งเป็นโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (CSR) ก่อนที่จะขยายโครงการไปทั่วประเทศ

ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอาหาร : ทศวรรษนี้ถือเป็นยุคของการยกระดับมาตรฐานในทุกด้าน ด้วยระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพและการบริหารจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เบทาโกรลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคภายใต้แนวคิด “เพื่อคุณภาพชีวิต” พร้อมเปิดตัว ระบบ Betagro E-Traceability ที่ให้ผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศ (ประเทศฮ่องกง) สามารถตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์ได้อย่างโปร่งใส และขยายช่องทางจำหน่ายด้วยการเปิดร้านอาหารขายปลีก Betagro Deli แห่งแรก และเดินหน้าโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง เป็นรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน

ขับเคลื่อนนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน : นับตั้งแต่ปี 2560 เบทาโกรได้ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอาหารไทยสู่ระดับสากลด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และระบบการจัดการ ไฮไลท์สำคัญคือการสร้างแบรนด์ S-Pure ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อหมู ไก่ และไข่ที่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยงดู โดยเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่ได้รับการรับรองจาก NSF International (National Sanitation Foundation) ในผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 ประเภท (ผลิตภัณฑ์ไก่ในปี 2560, ผลิตภัณฑ์หมูและไข่ไก่ในปี 2561)
ในปี 2562 เบทาโกรเปิดตัว โรงงานอาหารสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร ที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียในขณะนั้น สะท้อนความมุ่งมั่นในการตอบสนองความต้องการของตลาดสัตว์เลี้ยงที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องด้วยการก่อตั้ง ครัวกลางและศูนย์นวัตกรรมอาหารเบทาโกร (Betagro Central Kitchen and Food Innovation Center) ในปี 2563 เพื่อเป็นหัวใจสำคัญในการวิจัยและพัฒนาอาหารแปรรูปใหม่ ๆ ที่อร่อย ปลอดภัย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่
การปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการซัพพลายเชนเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ โดยในปี 2563 เบทาโกรได้นำ ระบบ ERP มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน นอกจากนี้ เบทาโกรยังได้จดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 10,000 ล้านบาท และนำหุ้น BTG เข้าซื้อขายเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือขององค์กร
ในปี 2566 เบทาโกรเดินหน้าสู่อนาคตด้วยการยกระดับซัพพลายเชนผ่าน Smart Factory เช่น โรงงานอาหารสัตว์หนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งก่อตั้ง "Betagro Ventures" เพื่อเสริมพลังด้านการลงทุนและการสร้างระบบนิเวศแห่งนวัตกรรม โดยมุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมอาหารที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการออกผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก Meatly! และแบรนด์ใหม่ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังได้ร่วมลงทุนพัฒนานวัตกรรมโปรตีนทางเลือกจาก Mycelium-based, Meatable, Plantable อีกด้วย
ในปี 2567 เบทาโกรได้ขยายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศ โดยเปิด โรงงานอาหารสัตว์แห่งแรกใน สปป.ลาว และในปี 2568 ได้ก้าวสู่กลยุทธ์ Regional Player ด้วยการเข้าซื้อกิจการ Eggriculture ในสิงคโปร์ ด้วยมูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค
หัวใจสำคัญของความสำเร็จตลอดทศวรรษที่ผ่านมาคือการให้ความสำคัญกับการค้นคว้า วิจัย และพัฒนา เบทาโกรทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์โปรตีนคุณภาพสูงที่ปลอดภัย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมี ศูนย์นวัตกรรมเบทาโกร เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ขององค์กรและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในแต่ละสายธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรอาหารที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนอย่างแท้จริง เบทาโกรยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน เพื่อส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยให้แก่ผู้คนทั่วโลก
