“19 ผลิตภัณฑ์” ของ “เบทาโกร” ผ่านการรับรองเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้น จาก TGO สะท้อนถึงการเป็นบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากลเพื่อชีวิตที่ยั่งยืน

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) โดย “คุณธันว์ บุญมา” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักการผลิตเนื้อสัตว์แปรรูปสุกร กลุ่มธุรกิจโปรตีน และ “คุณสมเกียรติ อรรจนียกุล” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักการผลิต กลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม เป็นตัวแทนรับมอบประกาศนียบัตรการรับรอง “คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product -CFP)” จาก “คุณเกียรติชาย ไมตรีวงษ์” ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO โดยมี “คุณชาติชาย ลือกุลวัฒนะชัย” ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และคณะทำงานจากสำนักบรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เบทาโกร เข้าร่วม ณ ห้องอบรม TGO ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

โดยในครั้งนี้ เบทาโกรได้รับการรับรอง “คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์” จำนวน 19 ผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย “บริษัท เบทาโกรเกษตรอุตสาหกรรม จำกัด โรงงานแปรรูปสุกรลพบุรี” ได้รับการรับรองให้ใช้เครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ สันใน สันคอ และหมูบด ภายใต้แบรนด์ S-Pure รวมถึง “โรงงานผลิตอาหารสัตว์ลพบุรี 1, 3 และ 4” ได้รับการรับรองให้ใช้เครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์จำนวน 16 ผลิตภัณฑ์ ครอบคลุมอาหารไก่ไข่ อาหารสุกร และอาหารไก่พันธุ์ไก่ไข่

ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทภายใต้เบทาโกร ได้ร่วมกับ TGO ในการประเมินปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาอย่างต่อเนื่อง และได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network) ตลอดจนการร่วมแสดงเจตนารมณ์ในการจัดการก๊าซเรือนกระจก ด้วยการเข้าร่วมโครงการองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (Climate Action Leading Organization) ที่สำคัญยังได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon footprint organization - CFO) และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง

โดยในปี 2564 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจโปรตีนเบทาโกรได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับผลิตภัณฑ์ไก่สด และไก่ปรุงสุก นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ไข่ไก่สดแบรนด์ S-Pure ที่อยู่ระหว่างกระบวนการขอรับการรับรองกับทาง TGO อีกด้วย สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเบทาโกรที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นไปตามเป้าหมายของประเทศและสากล พร้อมมุ่งสู่การเป็น Net zero เพื่อชีวิตที่ยั่งยืนของทุกคนต่อไป